เล่าปี่ตอบว่าข้าเป็นเชื้อพระเจ้าฮั่นโกโจอยู่ แต่ว่าบุญน้อยจึงได้เป็นผู้น้อยอยู่ ณ เมืองตุ้นก้วน ครั้งโจรดพกผ้าเหลืองเป็นขบถนั้น ข้าก็ได้อาสาแผ่นดินออกรบโจรถึงสามสิบสี่สามสิบห้าครั้ง มีความชอบหน่อยหนึ่ง จึงโปรดให้มารักษาเมืองนี้ ต๊กอิ้วได้ยินดังนั้นตวาดเพิดให้เล่าปี่แล้วว่า เอ็งทะนงศักดิ์อ้างอวดว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ ข้อว่าได้ไปรบโจรถึงสามสิบสี่สามสิบห้าครั้งนั้น เราพิเคราะห์ดูรูปร่างเช่นนี้ไม่เห็นสมทำการศึก อย่าพูดโกหกเราหาเชื่อตัวท่านไม่ ซึ่งว่าเป็นผู้รักษาเมือง ก็ดีแล้ว บัดนี้รับสั่งให้เราลงมาเรียกเอาส่วยแก่ขุนหมื่นที่เป็นขึ้นใหม่ เล่าปี่รับคำแล้วมิได้ตอบคำ ประการใดก็ลาไปที่อยู่ เล่าปี่จึงหาปลัดมาปรึกษาว่า ต๊กอิ้วถือรับสั่ง มาว่าดังนี้เราจะทำประการใด ปลัดจึงว่าต๊กอิ้วทำสง่าทั้งนี้ปรารถนาจะเอาสินบนเป็นประโยชน์แก่ตัว เล่าปี่จึงว่าตั้งแต่เรามาอยู่เมืองนี้ จะได้ค่าธรรมเนียมแล เบียดเบียนด้ายเส้นหนึ่งเข็ม เล่มหนึ่ง แก่อาณาประชาราษฎรให้ได้ความเดือดร้อน หามิได้ จะเอาสิ่งใดมาให้สินบนแก่ต๊กอิ้วนั้นก็ขัดสนอยู่แล้ว ครั้นรุ่งขึ้นต๊กอิ้วจึงเอาตัวปลัดลอบมาขู่เข็ญ โบยตี จะให้ปลัดนั้นว่าเล่าปี่ฉ้อราษฎรปลัดจะได้ว่าตามคำต๊กอิ้วหามิได้ เล่าปี่รู้ก็มาจะเข้าไปหาต๊กอิ้ว นายประตูห้ามมิให้เข้าไป เล่าปี่ก็กลับมาที่อยู่

ฝ่ายเตียวหุยเสพย์สุราแล้วขี่ม้าจะไปเที่ยวเล่น ครั้นมาถึงตรงประตูที่อยู่ต๊กอิ้ว เห็นคนแก่ยืนร้องไห้ อยู่ประมาณห้าสิบหกสิบคน เตียวหุยจึงถามว่ามาร้องไห้อยู่นี่ด้วยเหตุอันใด คนทั้งปวงจึงบอกว่า ต๊กอิ้วให้เอาปลัดมาโบยตี ให้ซัดว่าเล่าปี่ฉ้อราษฎร ครั้นข้าพเจ้าชวนกันจะเข้าไปขอโทษ นายประตู มิให้เข้าไปแล้วซ้ำตีข้าพเจ้าอีกเล่า ข้าพเจ้าได้ความเจ็บอายจึงร้องไห้อยู่ฉะนี้ เตียวหุยได้ยินดังนั้น ก็โกรธโจนลงจากหลังม้าวิ่งเข้าไปถึงประตูห้ามก็มิฟัง ครั้นเตียวหุยเข้าไปในประตูเห็นปลัดต้อง มัดมือมัดเท้าอยู่ ต๊กอิ้วนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้เตียวหุยตวาดแล้วร้องว่า อ้ายขี้ฉ้อใหญ่มึงรู้จักกูหรือไม่ ต๊กอิ้วตกใจเงยขึ้นเห็นเตียวหุย ยังมิทันจะตอบประการใด เตียวหุยเข้าจับจิกผมกระชากต๊กอิ้วตกลง จากเก้าอี้ แล้วเอาผมกระหมวดมือลากออกมาถึงศาลากลาง จึงเอาผมต๊กอิ้วผูกกับหลักม้า แล้วหักเอากิ่งสน มาตีต๊กอิ้วเจ็บปวดเป็นสาหัส ฝ่ายเล่าปี่กลับเข้ามานั่งทุกข์อยู่ พอได้ยินเสียงต๊กอิ้วร้องอื้ออึงขึ้น จึงถาม ทนายว่าเสียงอันใดอึงอยู่นั้น

ทนายบอกว่าเสียงเตียวจงกุ๋นน้องท่านเอาผู้ใดมาตีนั้นไม่แจ้ง เล่าปี่กริ่งใจเดินออกไปเห็นเตียวหุย เอาต๊กอิ้วมาผูกตีอยู่ เล่าปี่ตกใจจึงวิ่งเข้าไปถามเตียวหุยว่า เอาท่านข้าหลวงมาตีด้วยเหตุใด เตียวหุย จึงบอกว่าอ้ายนี่มันขี้ฉ้อใหญ่ แล้วเป็นคนหยาบช้าไว้มันมิได้ ชอบตีเสียให้ตาย ต๊กอิ้วเห็นเล่าปี่มาจึง ร้องว่าเล่าปี่เอ๋ยช่วยชีวิตข้าพเจ้าด้วย เล่าปี่ได้ยินดังนั้นมีใจเมตตาสัตว์หาความพยาบาทมิได้ จึงห้ามเตียวหุย เตียวหุยก็หยุดมือลง พอกวนอูเดินออกมาจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า เราทำความชอบอาสาแผ่นดิน มาเป็นหลายครั้งก็ได้เป็นแต่เพียงนี้ แต่ต๊กอิ้วถือรับสั่งมาแล้วว่าหยาบช้าดูหมิ่นนอกรับสั่ง ให้ได้อัปยศ ดังนี้ อันเราพี่น้องสามคนอุปมาประดุจหงส์ ซึ่งจะอาศัยในป่านี้ไม่สมควร

เราจะฆ่าต๊กอิ้วเสียแล้วชวนกันไปอยู่บ้านเมืองที่อาศัยแห่งเราดีกว่า ภายหลังจึงจะค่อยคิดการใหญ่สืบไป เล่าปี่ได้ยินกวนอูว่าดังนั้นเห็นชอบด้วย จึงกลับเข้าไปเอาตราสำหรับที่มาผูกคอต๊กอิ้วไว้แล้วจึงว่า ตัวเอ็ง เป็นข้าหลวงมาทำขี้ฉ้อดังนี้ควรแต่เราตัดศรีษะเสีย นี่เราให้ชีวิตตัวไว้ บัดนี้เราไม่พอใจอยู่ทำ ราชการแล้ว เอ็งจงเอาตรานี้กลับไปเมืองด้วยเถิด เราก็จะไปบ้านเมืองที่อาศัยแห่งเรา แล้วเล่าปี่ก็พากวนอู เตียวหุยกับพรรคพวกยี่สิบคนนั้นออกจากเมืองอันห้อก้วน
  4
ตอน1 หน้า 1 l 2 l 3 | 4 





Copyright 2000 - Vichien Shnatepaporn, All Rights Reserved. No part of this article may be reproduced, stored in a retrieval system,
or transmitted in any form, or by any means, electronic, mechanical, photocopying, recording, or otherwise, without permission.
งาน หางาน สมัครงาน ใช้ jobtopgun.com