1.1 Vision ของเล่าปี่
เมื่อมีประกาศรับสมัครทหารอาสาสมัครไปปราบโจรโพกผ้าเหลือง แม้กวนอูและเตียวหุยจะสนใจ แต่ก็มองแค่การสมัครไปเป็นทหารรับใช้ชาติเท่านั้น ในขณะที่เล่าปี่มองไกลไปถึงการจัดตั้งกองกำลังทหารของตัวเอง แทนที่จะ เพียงเข้าร่วมเป็นทหารอาสาสมัคร เพื่อตนเองจะได้มีกองกำลังเป็นของตนเอง ในขณะเดียวกันก็ถือว่า ได้รับใช้ชาติด้วย

การที่สามก๊ก@work เห็นว่านี่เป็น vision อันล้ำหน้าของเล่าปี่ก็เพราะเล่าปี่มิได้มองแค่การปราบโจรโพกผ้า เหลือง ให้สำเร็จเท่านั้น แต่ยังมองต่อไปอีกว่าเมื่อปราบโจรโพกผ้าเหลืองเสร็จ กองกำลังต่างๆ จะแยกเป็นอิสระไม่ขึ้นกับ ใครตอนนั้นใครจะเป็นใหญ่ก็ยังมองไม่ออก ซึ่งก็หมายความว่า กองกำลังทหารของเล่าปี่เองก็มีโอกาสที่จะเป็นใหญ่ได้ซึ่ง แสดงให้เห็นว่า เล่าปี่นั้นคิดการไกลกว่ากวนอู และเตียวหุย

ในการสร้างตัวหรือมีธุรกิจเป็นของตนเอง Vision จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอันดับแรก Vision จะเป็นตัวกำหนด ว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน กิจการของเราจะเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวข้างทาง หรือใหญ่โตมีสาขาแบบ Franchise จะเป็น แค่บริษัทห้องแถวหรือเป็นบริษัทตามตึกระฟ้า จะเป็นแค่ตัวกลางจัดจำหน่าย หรือเป็นผู้ผลิตไปด้วย เหล่านี้ขึ้นอยู่กับ Vision ของเรา อย่างไรก็ตาม Vision ต้องใหญ่ ไกล และที่สำคัญต้องเป็นไปได้

1.2 Human Resource
การหาหุ้นส่วน สมัครพรรคพวก หรือการมองหากำลังคนก็เปรียบเสมือนการ Recruitment ในสมัยนี้ ทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เป็นปัจจัยที่เป็นอมตะตั้งแต่สมัยโบราณ การหากำลังคน มักไม่ใช่ใครก็ได้ แต่ต้องเป็นใครที่เป็นคนดี มีความสามารถ เหมาะกับงานที่จะทำ จึงจะทำให้การคิดการใหญ่ประสบผลสำเร็จ

ตั้งแต่เล่าปี่เป็นเด็ก เล่าปี่มีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นกษัตริย์หรือ Somebody โดยสังเกตจากการเล่นแบบเด็กๆ ใต้ต้นหม่อนพันปี (ซึ่งล่ำลือกันว่าจะมีผู้มีบุญเกิด) ที่เล่าปี่มักร้องว่า "ข้าคือโอรสสวรรค์ กำลังขับราชรถกั้นฉัตรทรง" แสดงให้เห็นความใฝ่ฝันของเล่าปี่ตั้งแต่ยังเด็ก ลองคิดดูว่าตั้งแต่เด็กจนกระทั่งอายุ 28 ปี เล่าปี่ต้องแสวงหาคนที่เหมาะสม ที่จะมาเป็นทีมเพื่อทำการใหญ่ ไม่ใช่ง่ายที่จะเจอ Right Person อย่างกวนอู และเตียวหุย เมื่อเจอแล้วก็ต้องรู้ว่าใช่เลย สามก๊ก@work เชื่อว่าทุกคนมีการใหญ่ แต่ถ้าคิดจะเริ่มต้น Human Resource มักจะเป็นขั้นตอนแรกที่ ต้องทำเพื่อให้ประสบความสำเร็จ

1.3 Reliable
ความไว้เนื้อเชื่อใจ เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการร่วมงานกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสงครามซึ่งอาจจะมีอันตราย ได้ถึงชีวิต เล่าปี่จึงใช้วิธีการสาบานเป็นพี่น้องอย่างเป็นพิธีการ ไม่ใช่แค่เชิญชวนมาร่วมงานกันเท่านั้น ถือเป็นกุศโลบายที่ ทำให้ต่างฝ่ายต่างเกิดความศรัทธา และเชื่อใจกัน ไม่ใช่แค่ลมปากลอยๆ ทุกคนจึงจะเกิดความมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิด อะไรขึ้นก็ตามต่างคนต่างจะต้องร่วมเป็น ร่วมตายกันแบบเชื่อใจกันโดยปราศจากเงื่อนไขและเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น

1.4 Attitude
เล่าปี่ตอบผู้ตรวจราชการแผ่นดินว่า ตำแหน่งน้อยใหญ่ย่อมเป็นประโยชน์กับประเทศชาติทั้งนั้น เป็นการแสดง ทัศนคติที่ยิ่งใหญ่ต่อหน้าที่การงานของตน เล่าปี่เข้าใจกำลังและโอกาสของตนเอง พอใจและไม่ดูถูกสิ่งที่ตนเองทำ รู้ว่าทุกตำแหน่งเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ไม่เคืองที่ตนต้องทำตำแหน่งเล็ก สามก๊ก@work เชื่อว่า A man who moves the mountain is the man who starts to carry away small stone ยอดคนจะรู้จักอดทนและไต่เต้าเพื่อรอเวลาและโอกาส การได้เริ่มต้นอะไรสักตำแหน่งมีความสำคัญ กว่าการที่ต้องเป็นตำแหน่งใหญ่โตในทันที เพราะเมื่อคุณเพิ่งเริ่มงาน ไม่มีใครบ้าให้ตำแหน่งใหญ่กับคุณทันทีทุกอย่าง ต้องการการพิสูจน์เป็นขั้นเป็นตอนไป

1.5 Role
การรู้จักบทบาทของเล่าปี่เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เล่าปี่ประสบความสำเร็จในการซื้อใจคน เช่น ด้วยบทบาทความเป็นพี่ เล่าปี่รู้จักแสดงความห่วงใย โดยการดูแลน้องๆ ซึ่งแม้เป็นเพียงน้องร่วมสาบาน เล่าปี่ก็ดูแลเหมือนตนเป็นพี่ใหญ่ซึ่งเล่าปี่ แสดงออกได้ดีมาก ไม่ใช่เพียงเก็บไว้ในใจ ยกตัวอย่างเช่น การจัดความเรียบร้อยของชุดที่เตียวหุยใส่อยู่ก่อนที่เตียวหุย จะออกไปข้างนอก เป็นการแสดงถึงความห่วงใยเล็กๆ น้อยๆ ว่า เล่าปี่ก็ยังใส่ใจดูแลน้อง ซึ่งเตียวหุยย่อมซึ้งอยู่แก่ใจและ นั่นก็เป็นสิ่งที่ซื้อใจเตียวหุยได้

สามก๊ก@work คิดว่าความห่วงใยพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ที่แม้ทำเป็นบางทีก็สามารถแสดงออกถึงส่วนลึกของ ความเอื้ออาทรกันได้เป็นอย่างดี ดังนั้นอย่าเก็บไว้ แสดงออกให้พี่น้อง คู่ครอง เจ้านายหรือลูกน้องได้รู้เพื่อการสื่อสาร กันจะได้ชัดเจน ไม่ต้องเดากัน ความไว้เนื้อเชื่อใจกันก็เป็นสิ่งที่คาดหวังกันได้ เพราะรู้และเข้าใจในบทบาทที่ตัวเองมี