(4) คำพูดที่ว่า "คนฉลาดต้องรู้จักเลือกนาย" ยังใช้ได้อยู่หรือไม่?

    ผู้สมัครงานจะต้องตัดสินใจทำงาน โดยเลือก จากเงื่อนไขของงาน หรือ เงื่อนไขของนาย (บริษัท)
ชื่อผู้เขียน : จุฬาลักษณ์ จิตสง่า
ตำแหน่ง : Finance Executive
บริษัท : Top Gun Co.,Ltd.


เลือกที่ตัวงาน


1) การที่คนเราจะทำงานสักงานหนึ่งสำเร็จนั้น จะต้องมีความรู้ ความสามารถ ที่จะทำงานได้ และ จะต้องมีความรักใน ตัวเนื้องานด้วยจึงจะทำมันออกมาได้ดี ปัจจัยเหล่านี้มีอิทธิพลต่อชีวิตการทำงานมากกว่า การเลือกทำงานโดยดูเงื่อนไขที่บริษัทเป็นหลัก เพราะเราต้องทำงานอย่างน้อย 7-8 ช.ม.ต่อวัน ทุกๆนาทีเราต้องอยู่กับงาน กิจกรรมทุกอย่างที่เราทำ ก็เพื่อให้งานสำเร็จทั้งนั้น เราต้องคิด เราต้องทำ เราต้องเจรจา เราต้องใช้ความสามารถทุกๆด้านที่เรามี ก็เพื่องาน ถ้าเราไม่ชอบในตัวเนื้องานเราจะทนทำงานนี้ได้นานแค่ไหน และผลงานจะออกมาดีได้อย่างไร เราไม่ได้ไปทำงานเพื่อที่จะได้นั่งอยู่ใน Office ใหญ่ๆ ห้องทำงานสวยๆ เพื่อที่คุยกับเพื่อนร่วมงาน ใช้เวลาหมดไปวันๆ คอยเวลารับเงินเดือนตอนสิ้นเดือน โดยเห็นงานเป็นแค่เพียงส่วนประกอบย่อยเท่านั้น เราสมัครเข้าทำงาน ก็เพื่อจะเข้ามาทำงาน เราไม่ได้สมัครไปเพียงเพื่อจะเข้ามาอยู่ในบริษัทเหมือนเด็กอนุบาลที่ไปโรงเรียนเพื่อกิน นอน และร้องเพลง ตกตอนเย็น ผู้ปกครองมารับกลับบ้านก็จบ แต่เด็กประถมต้องไปโรงเรียนเพื่อศึกษาหาความรู้ ทำการบ้าน และเตรียมตัวสอบ เราจะเลือกเป็นเด็กอนุบาลหรือ?

หากมีคนถามเราว่าอยู่บริษัทใหญ่โตแบบนี้แล้วเราทำงานเป็นตำแหน่งอะไร น่าสนใจหรือไม่ เราก็คงต้องกลับมานั่งคิดเป็นวันๆ เพราะเราไม่ได้รักและทุ่มเทให้กับงาน เมื่อมาดูเนื้องานและตำแหน่งของเราก็แทบจะไม่มีอะไร น่าสนใจและตื่นเต้นท้าทายเลย เพราะเรา มองแค่ว่าได้ทำงานกับบริษัทใหญ่ๆก็ประสบความสำเร็จแล้ว แต่ถ้ามองลงไปลึกๆแล้ว ถามว่าเราทำงานในตำแหน่งได้ดีหรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่

หากจุดประสงค์หลักในการสมัครเข้าทำงาน ของเราอยู่ที่ได้เข้าทำงานในบริษัท มีชื่อเสียงมากกว่าการสมัครเข้าทำงาน ด้วยเงื่อนไขของตัวเนื้องาน ขอเปรียบเทียบกับคน 2 คนชื่อว่า นาย ก กับ นาย ข นาย ก แต่งเครื่องแบบเต็มยศดูงดงาม ส่วนนาย ข สวมเสื้อผ้า ธรรมดา ถามใครมีสุขภาพดีกว่ากัน หากดูจากการแต่งกายเราไม่สามารถจะตอบได้ จะต้องดูลึกลงไปถึงวิธีการดำเนินชีวิต และนิสัยการรับประทานอาหารจึงจะตัดสินได้ว่าใครน่าจะมีสุขภาพดีกว่ากัน

2) เมื่อเรามีความรักในงาน ทุ่มเทให้กับงาน แล้วทำมันออกมาได้ดีมากๆจนเป็นที่รู้กันทั่วว่า ไม่มีใครอีกแล้วในโลกนี้ จะสามารถทำงานนี้ ได้ดีเท่าเรา เราก็จะกลายเป็นที่ต้องการของทุกๆบริษัทโดยที่ไม่ต้องเหนื่อยยาก กับการตระเวน ไปสมัครงานเป็นร้อยๆบริษัท และพบว่าไม่มีบริษัทใดเห็นคุณค่าและคิดจ้างเราเลย จะเห็นว่าการได้เลือกทำงานที่เรารัก ไม่ได้เป็นเรื่องลำบากหรือเสียหายแม้แต่น้อย และกลับเป็นผลดีในที่สุด เพราะการที่ได้ทำงานในด้านที่เรารัก จะทำให้เรา มีความสุขเพลิดเพลิน รู้ถึงคุณค่าของตัวเอง และยังมีผลดีในแง่ที่เป็นที่ต้องการของทุกบริษัทตามมาอีกด้วย

3) การเลือกบริษัทเป็นเงื่อนไขหลักก็เหมือนกับการปล่อยให้สิ่งที่อยู่เหนือความควบคุมของเรามากำหนดชีวิตของเรา เมื่อเราได้เข้าทำงานในบริษัทที่เราฝันไว้ ไปได้ซักพักแล้ว หากเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในบริษัท ทำให้บริษัทนี้ไม่ใช่บริษัทในฝันอีกต่อไป (เช่นเปลี่ยนนโยบายลดสวัสดิการลงเป็นต้น) เราก็ต้องลาออกเพื่อหาบริษัทในฝันต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีอะไรมาบอกกับเรา ได้ว่าชีวิตนี้เราจะเจอหรือไม่ เราต้องลาออก และสมัครใหม่ไปอีกกี่ครั้งในชีวิต แล้วถ้าเราโชคดี พบบริษัทในฝันของเรา

แล้วเราจะตอบผู้สัมภาษณ์อย่างไรกับการที่เราเปลี่ยนงานบ่อยๆ เขาต้องมีคำถามในใจแน่ๆว่า เป็นเพราะเราไม่ต้องการ ทำงานกับบริษัทเหล่านั้น หรือเป็นเพราะบริษัทเหล่านั้นไม่ต้องการเรา สิ่งเหล่านี้พิสูจน์ยาก ว่าเป็นอย่างไหนแน่ และผู้สัมภาษณ์ ก็คงไม่มาเสียเวลามาพิสูจน์ Case ของเราเป็นแน่ในเมื่อเขามีผู้สมัครมารอสัมภาษณ์เป็นพันเป็นหมื่น อย่าลืมว่า ถ้าบริษัทนี้เป็นบริษัทในฝันของเรา ก็จะต้องเป็นบริษัทในฝันของคนอื่นด้วย

ถามว่าบริษัทจะเลือกคนที่เปลี่ยนงานมาแล้วหลายๆครั้งหรือว่าเลือกคนที่ทำงานที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลาต่อเนื่อง และนานพอ ที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท และถามว่ามีใครบ้างอยากจะใส่ลงไปใน Resume’ ว่าเราเปลี่ยนงานมาแล้ว หลายครั้ง และเหตุผลก็คือเรายังไม่สามารถหาบริษัทในฝันได้ ขนาดเรายังไม่อยากจะใส่ลงไปใน Resume’ แล้วใครๆ ก็คงไม่อยากจะอ่าน Resume’ ของเราด้วยเช่นกัน

ถ้าสมมุติว่าเราโชคดีบริษัทนี้รับเราเข้าทำงาน แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดในบริษัทนี้อีก ไม่มีใครมารับประกันกับเราได้ว่า บริษัทจะคง คุณสมบัติ ความเป็นบริษัท ในฝันของเราตลอดไป แล้วเราจะปล่อยให้สิ่งนี้ มามีอิทธิพลต่อเราหรือ หากเราเลือกที่เงื่อนไขของงานเป็นหลัก เราจะมีสมาธิอยู่กับงานทำงานเต็มที่ ตั้งใจทำงาน จนเกิด ความเชี่ยวชาญและพัฒนาฝีมือให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับเรา เราทำ เรากำหนด เราจะเปลี่ยนแปลงหรือกระทำการใดๆอยู่ที่เราตัดสินใจเอง ถ้าเราทำงานได้ดี เราจะอยู่ที่ไหนก็ได้ เราอาจจะนั่งทำงานอยู่ที่บ้านก็ได้ไม่มีใครมามีอิทธิพลต่อเราว่าเมื่อไหร่ เราต้องลาออก เมื่อไหร่เราต้องหางานใหม่ ขอให้เลือกทำในสิ่งที่เราชอบและทำมันออกมาได้ดี งานที่เราทำก็จะทำให้เรามีความสุขและนี่คือสภาวะในฝันของหลายๆคน