ขณะนั้นตัวข้าพเจ้าเองยังเป็นนักศึกษาอยู่และทำงานควบคู่กันไปด้วย ข้าพเจ้า ทำงานเป็นพนักงาน Part Time ตำแหน่งตรวจเช็คอู่รถ Taxi การทำงานก็ไม่มีอะไรมาก ทำไปเรื่อย ๆ คอยดูว่ารถเข้าอู่ครบทุกคันหรือไม่ สติกเกอร์ที่ติดหลังรถ เรียบร้อยดีหรือเปล่า ดูเหมือนว่างานไม่ได้ใช้ความคิดหรือความสามารถอะไรเลย ซึ่งจริงๆ ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น ถ้าไม่มีเหตุการณ์ ที่จะกล่าวต่อไปนี้เกิดขึ้นมา ข้าพเจ้าก็คงไม่มีโอกาสได้แสดงความ สามารถ และมายืน ณ จุดนี้ตราบจนทุกวันนี้

การตรวจเช็คอู่แต่ละอู่ก็จะมีพนักงานตรวจเช็คเป็นประจำสำหรับอู่นั้น อาจจะแวะ เวียน ไปอู่อื่นบ้าง แต่ก็ยังคงเป็นอู่ ที่อยู่ ในละแวกใกล้กันและจะมีหัวหน้าที่ควบคุมอู่ คอยตรวจ เช็ค พนักงานอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งจะควบคุมอยู่7 - 8 อู่ มีปัญหาอะไร ก็จะรายงานเข้าสู่หัวหน้าเขต ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องอู่ทั้งหมด การตรวจเช็คอู่ก็เป็นไปตามปกติเรื่อยๆ จนถึง สิ้นเดือน ซึ่งทางบริษัทก็จะมีการแจกผลิตภัณฑ์ ตามชนิดของสติกเกอร์ที่ติด เช่นติดสติกเกอร์ แฟ้บ โชเฟอร์ประจำรถคันนั้นๆ ก็จะได้แฟ้บ เป็นของชำร่วย ซึ่งจะเป็นของชิ้นใหญ่ ไม่ใช่ชิ้น เล็ก แบบของแจก ตัวอย่างที่ได้รับกันแบบทั่วไป

การแจกของให้บรรดาโชเฟอร์ทั้งหลายนั้น บางอู่ก็เรียบร้อย แต่บางอู่ก็วุ่นวาย มากเหลือ สำหรับอู่ที่ข้าพเจ้าตรวจเช็ค อยู่เป็นประจำ แม้จะ วุ่นวาย แต่ก็เล็กน้อยมาก ข้าพเจ้าสามารถแก้ปัญหาให้ผ่านไปได้ เดือนต่อมา การแจกของชำร่วยอู่อื่นๆ เริ่มมีปัญหา และรุนแรงมากขึ้น หัวหน้าเขตได้จัดกำลังพล ให้หัวหน้าที่ควบคุมอู่ แต่ละคนต้องมารวมตัวกัน แล้วไปช่วยเหลือ อู่ที่มีปัญหา เพื่อที่จะป้องกัน ความโกลาหล วุ่นวาย ของบรรดาเหล่า Taxi ทั้งหลาย ตัวข้าพเจ้าเองได้ถูกเรียกใช้เข้ามา ในงานนี้ด้วยเช่นกัน

เมื่อข้าพเจ้าไปถึงอู่ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นมาจริงๆ บางคนรับของไปแล้วก็มารับอีก บางคนได้ บางคนก็ไม่ได้ เมื่อไม่ได้ก็ไม่พอใจ ส่วนพวกที่ยังไม่ได้รับแจกก็ไม่พอใจ บ้างก็ ฉีก สติกเกอร์ทิ้ง บ้างก็ทะเลาะกับเจ้าของอู่จนเจ้าของอู่ ไม่ให้ขับก็มี เผลอเป็นไม่ได้ ต่างเข้ามารุม มาตุ้ม ของชำร่วยกันเต็มไปหมด ไม่น่าเชื่อว่าอู่รถแท็กซี่เล็กๆ จะเกิดความ โกลาหลวุ่นวาย ได้มากขนาดนี้

ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ให้ทุกอย่างอยู่ในความสงบ แต่เพราะพวกเรามีน้อย จึงไม่ค่อยง่ายเท่าไหร่นัก สุดท้ายข้าพเจ้าต้องใช้ความสามารถ วาทะศิลป์ต่างๆ อธิบาย ให้ โชเฟอร์เหล่านั้นเข้าใจ ต้องมีมาดของความเป็นผู้นำ จากที่ไม่เคยส่งเสียงดัง ก็ต้องเสียงดัง เพื่อปรามโชเฟอร์ เหล่านั้น จนเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายไปในที่สุด

จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ข้าพเจ้าได้รับความไว้วางใจ จากหัวหน้าเขตตลอดมา หัวหน้าเขตจะเรียกข้าพเจ้า เข้าไปช่วยงานเสมอๆเมื่อหัวหน้าเขตส่งเสริม ข้าพเจ้าก็ยิ่งมี โอกาส ได้แสดงความสามารถมากขึ้น จาก Part Time ก็เลื่อนเป็น Full Time และต่อมา เรื่อยๆ จนถึง ณ ปัจจุบันนี้ ถ้าไม่มีเหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้น ข้าพเจ้าก็คงไม่มีโอกาสได้ แสดง ความสามารถของตัวเองออกมาและเป็นที่ยอมรับเหมือนทุกวันนี้