1. โจโฉ ซุนเกี๋ยน เล่าปี่ ถึงจะอยู่กองทัพเดียวกันแต่ก็ต่างสถานภาพ การวางตัว ของบุคคลทั้ง 3 รวมทั้งวิธี คิดล้วนเป็นสิ่งที่น่านำมาพัฒนาตนเอง ให้เกิด ความสำเร็จในภายหน้า สามก๊ก@work ขอวิจารณ์ดังนี้

โจโฉ เป็นผู้นำในการรวบรวมแนวร่วมได้กองกำลัง 18 หัวเมือง โดยยกให้อ้วนเสี้ยวเป็นแม่ทัพ โจโฉถือได้ว่ามีกองกำลังของตนและมีความใกล้ชิดกับอ้วนเสี้ยว ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ ย่อมมองเห็นจากเบื้องสูงกว่าซุนเกี๋ยนและเล่าปี่ซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงทหารธรรมดา พฤติกรรมของโจโฉจะว่าไปแล้วเป็นนักบริหารมืออาชีพมากที่สุด

1. โจโฉมีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ รับราชการมาก่อนมีความจงรักภักดี ปณิธานก็คือคุณธรรมค้ำชูบัลลังก์ แล้วรวบรวมแนวร่วมได้ 18 หัวเมือง เพื่อปราบตั๋งโต๊ะย่อมเป็นเจตนาที่ชัดเจนและตลอดเวลาก็เห็นแก่ objective ในการปราบตั๋งโต๊ะให้ได้ชัยเป็นหลัก ไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตนที่จะแตกแยกจาก Team ใหญ่

2. ตนเองเป็นผู้ชักชวนแนวร่วม แต่รู้จักประมาณตนว่าบารมีไม่ถึง ยอมเสนอให้อ้วนเสี้ยวซึ่งชาติตระกูล มีบารมีกว่ามาเป็นผู้นำ ย่อมแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่ยิ่งใหญ่ ไม่ได้เอาประโยชน์ตนเป็นหลัก

3. การมองคนเป็น สมกับที่เป็นผู้นำอย่างแท้จริงซึ่งทำให้ซื้อใจคนเก่งได้ง่ายขึ้น อย่างเช่นขณะที่ อ้วนเสี้ยวถามว่าเล่าปี่เป็นใคร โจโฉก็รายงานอ้วนเสี้ยวว่า เล่าปี่เป็นหนึ่งในกองกำลังที่มี วีรกรรมปราบ โจรโพกผ้าเหลือง ทำให้เล่าปี่ได้รับความสนใจ ยิ่งเมื่อกองซุนจ้านรายงานว่าเล่าปี่มีเชื้อพระวงศ์ด้วย เล่าปี่จึงได้รับเกียรติให้มีที่นั่งในการประชุมแทนที่จะต้องยืน อีกกรณีหนึ่งคือการรู้จักมองกวนอูว่าเป็น คนไม่ธรรมดา ทั้งยังพูดให้โอกาสกวนอูได้แสดงฝีมือและซื้อใจด้วยการสั่งเหล้าอุ่นให้กวนอูดื่มย้อมใจ ก่อนออกไป รบกับฮัวหยง (ซึ่งต่อมากลายมาเป็นตำนานว่าเพียงเหล้าอุ่นที่ยกมาให้กวนอูยังไม่ทันเย็น กวนอูก็ตัดหัวฮัวหยงมาได้แล้ว ทำให้กวนอูโด่งดังมากจากวีรกรรมนี้)

4. เข้าใจในเรื่องความสามัคคีเป็นอย่างดี เช่นตอนที่อ้วนสุดดูถูกเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย โจโฉตำหนิอ้วนสุดว่าในสถานการณ์รบนั้น ไม่ควรแบ่งชนชั้นตำแหน่งเกินไป และก็ทักเล่าปี่ว่า อย่า น้อยใจ จนทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งเล่าปี่ก็ยังอยู่รบต่อไปจนสร้างวีรกรรม 3 วีรบุรุษรบชนะลิโป้

5. รู้จักมองโอกาสและใช้ประโยชน์จากโอกาสนั้น เช่น
     1. ตอนเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย รบชนะลิโป้ จนลิโป้แพ้ และกองทหารเสียขวัญหนีเข้าเมือง
          โจโฉผิดหวังที่อ้วนเสี้ยวไม่สั่งให้ตีตามในขณะที่มีโอกาส
     2. ตอนตั๋งโต๊ะย้ายเมืองหลวงจากลกเอี๋ยงไปเตียงอัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตั๋งโต๊ะกลัวกำลัง
         จาก 18 หัวเมือง โจโฉเห็นว่าควรถือโอกาสตีตามให้ได้ชัยถึงแม้ทหารจะอิดโรยก็ตาม

6. เป็นคนทำอะไรก็ทำให้ถึงที่สุด เพราะถึงแม้อ้วนเสี้ยวจะไม่ยอมตีตามทัพของตั๋งโต๊ะ โจโฉก็พยายามสู้เท่าที่กำลังตนจะมี ถึงแม้โจโฉจะแพ้แต่ก็ได้ทำอย่างสุดความสามารถที่มีอยู่จริงๆ





ซุนเกี๋ยน ซุนเกี๋ยนเป็นหนึ่งในสิบแปดหัวเมืองซึ่งมารบโดยมีเป้าหมายพิทักษ์ราชวงศ์ สถานภาพดูมีศักดิ์ศรีกว่าเล่าปี่และโจโฉเพราะมีเมืองเตียงสาเป็นฐานมั่น ถ้าจะวิเคราะห์จุดเด่นของซุนเกี๋ยนแล้วก็ถือเป็นคนที่เก่งในเรื่องการลงมือรบ เป็นคนที่ห้าวหาญในการรบจนได้สมยาว่าเป็นเสือแห่งกันตั๋ง ด้วยจุดแข็งในข้อนี้ทำให้ซุนเกี๋ยนได้ถูกมอบหมายให้เป็นทัพหน้าในการบุกตลุยข้าศึก ซุนเกี๋ยนมีจิตใจนักเลง กล้าเข้าไปเอาเรื่องกับอ้วนสุดถึงถิ่นตอนที่อ้วนสุดซึ่งเป็นฝ่ายคุมเสบียง ไม่ยอมส่งเสบียงไปให้ทัพต่างๆ แปลว่าไม่ยอมถูกใครรังแกได้ง่ายๆ และก็มีความใจกว้างพอที่จะยกโทษให้อ้วนสุดเพราะถือว่าอ้วนสุดขอโทษและได้ลงโทษคนของ ตนเองแล้ว ซุนเกี๋ยนยังรู้จักหนีมีสัญชาติญาณเอาตัวรอด ไม่มัวยึดถือศักดิ์ศรียอมเปลี่ยนหมวกกับลูกน้องเพื่อหนีเอาตัวรอดก่อน

สามก๊ก@work อยากเน้นประเด็นความห้าวหาญและรู้จักหนีเอาตัวรอด

ความห้าวหาญในการรบแท้จริงแล้วเป็นปัจจัยสำคัญมากๆ ที่ทำให้คนประสบความสำเร็จได้ เพราะถ้าคนเรามีความห้าวหาญในการทำงานไม่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชามก็มีโอกาสความก้าวหน้า มากกกว่า ทำอย่างรักงาน อย่างเห็นความสำคัญของงาน แสดงออกถึงความรู้สึกอยากทำงานทุกชิ้น ความห้าวหาญในการทำงาน รักที่จะทำก็ย่อมทำให้เราพัฒนาฝีมือในการทำให้เหนือผู้อื่นเป็นธรรมดา คนที่ห้าวหาญจะทำงานหนักกว่าธรรมดา คนที่เราเห็นว่าเป็นเศรษฐีในปัจจุบัน มักจะทำแต่งาน รักที่จะทำ ชอบที่จะทำ เก่งที่จะทำ ไม่กลัวความเหนื่อยยากลำบาก

การรู้จักถอยรู้จักหนีก็เป็นคุณสมบัติสุดยอดของผู้นำเพราะถ้าคนอยากเอาชนะจนเอาชีวิตไม่รอด จะอยู่เป็นผู้นำต่อไปได้อย่างไร การรู้จักแพ้ รู้จักถอย รู้จักหนี จึงเป็นสัญชาติญาณที่สำคัญมากที่ไม่ควร มองข้าม สู้ไม่ได้ก็ต้องถอยต้องหนีรักษาชีวิตเป็นสำคัญ

ส่วนเหตุการณ์ที่ซุนเกี๋ยนบังเอิญเจอตราหยกแล้วเข้ามาลาอ้วนเสี้ยวกลับเมืองเตียงสาโดยอ้างว่า เพราะป่วยนั้น สามารถอธิบายความเป็นซุนเกี๋ยนว่า

1. รู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ว่า ไม่ควรมอบตราหยกให้อ้วนเสี้ยว เพราะถ้าให้อ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวก็อาจยึดไว้เป็นสมบัติส่วนตน ถ้าจะมอบคืนควรมอบคืนให้แก่ราชวงศ์

2. ซุนเกี๋ยนคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้ถ้ามีแต่การระแวงกันขาดความสามัคคี ทัพ 18 หัวเมืองไม่น่าจะไปรอดน่าจะนำตราหยกกลับไปและทำนุบำรุงบ้านเมืองตนดีกว่า

3. เมื่ออ้วนเสี้ยวทวงถามตราหยก ก็อ้างว่าไม่ได้อยู่กับตนและยอมสาบานว่ายอมตายหากตรานั้นอยู่กับตน ซึ่งในสมัยนั้น ความเชื่อเรื่องสาบานยังมีความสำคัญ แสดงว่าซุนเกี๋ยนยอมตายไม่ยอมมอบตราหยก เป็นคนที่เมื่อจะเอาแล้วต้องเอาให้ได้ตัวตายไม่เสียดาย




เล่าปี่ เล่าปี่อยู่ในสถานภาพที่สู้โจโฉและซุนเกี๋ยนไม่ได้เลย เพราะเป็นแค่ทหารของกองซุนจ้าน แต่เล่าปี่เป็นคนลึก รู้จักประเมินตนและอดทนให้ถึงเวลา เป็นคนที่รู้จักจังหวะของเวลาและสถานการณ์มาก ครั้งแรกที่กวนอูและเตียวหุยอยากอาสาฆ่าฮัวหยง แต่เล่าปี่ก็ห้ามด้วยสายตา เพราะต้องการรอให้ผู้คนเข้าใจเสียก่อนว่าฮัวหยงเก่งจริงแค่ไหน จนเมื่อผู้คนรู้ว่าฮัวหยงฝีมือดีมาก เล่าปี่จึงส่งสัญญาณว่าถึงเวลา ที่อนุญาติให้เตียวหุยหรือกวนอูขออาสากับอ้วนเสี้ยวได้ แสดงว่าเล่าปี่ลุ่มลึกเป็นผู้รู้จังหวะที่ดีในการลงมือ อดทนให้ผลไม้สุกก่อนจึงเก็บกิน

ตอนที่เล่าปี่พากวนอูและเตียวหุย walk out เพราะอ้วนสุดแสดงการแบ่งชนชั้นตำแหน่ง จะเห็นได้ว่าเล่าปี่ sensitive กับความรู้สึกของพวกพ้องและเข้าข้างพวกพ้อง ถึงแม้บางท่านอดมองเล่าปี่แบบไม่ใช่นักบริหารมืออาชีพ แต่เล่าปี่ก็มีวิธีสร้างความสำเร็จได้จากความมีน้ำใจความเอื้ออาทรทำให้มีคนอยากจะมาช่วยเล่าปี่ และในที่สุดก็มีบารมี พอที่จะได้ขงเบ้งซึ่งเป็นคนเก่งแห่งยุคมาเป็นที่ปรึกษาคู่ใจ

เล่าปี่ก็ยังเป็นคนที่รู้จักไม่ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อโจโฉทักท้วงไม่ให้เล่าปี่ล้มเลิกเมื่อตอนที่ถูกอ้วนสุดดูถูก เล่าปี่ก็ยังร่วมรบจนมีโอกาสได้สร้างวีระกรรมกับกวนอูและเตียวหุยรบชนะลิโป้ การรู้จักรบของเล่าปี่ก็เป็นคุณสมบัติเด่นของผู้นำที่รู้จักแยกแยะ ระหว่างความยุติธรรมกับเป้าหมายคือชัยชนะ

Copyright 2000 - Vichien Shnatepaporn, All Rights Reserved.
No part of this article may be reproduced, stored in a retrieval system, or transmitted in any form, or by any means,
electronic, mechanical, photocopying, recording, or otherwise, without permission.
งาน หางาน สมัครงาน ใช้ jobtopgun.com