4. น้ำขึ้นให้รีบตัก

หลักการที่ว่าเมื่อมีโอกาสและต้องรู้จักฉวยหรือ"น้ำขึ้นให้รีบตัก"นั้นเป็นหลักการที่ขัดแย้งกับ ช้าช้า ได้พร้าสองเล่มงาม ต้องนับว่าผู้แต่งสามก๊กเก่งมากที่นำ concept ที่ขัดแย้งกันมาอยู่ด้วยกันเพื่อเปรียบเทียบ ทำให้เรารู้จักเรื่องของจังหวะและโอกาสการใช้ อย่ามองอะไรเพียงด้านใดด้านหนึ่ง ถ้าเราสามารถมองได้สองด้าน การตัดสินใจของเราในแต่ละเรื่องก็จะแม่นยำและได้ประโยชน์สูงสุด


เราได้กล่าวพาดพิงถึงโจโฉในแง่มุมการล้างแค้นให้บิดา ทำตัวเป็นบุตรกตัญญูซึ่งสังคมในสมัยเมื่อสองพันปีที่แล้วต่างต้องยอมรับความชอบธรรมอันนี้

ในขณะที่โตเกี๋ยมเอง ขอเจรจาให้โจโฉเลิกทัพ ตันก๋งเองก็มาเกลี้ยกล่อมโจโฉ ซึ่งโจโฉก็ตะเพิดไป รวมทั้งการที่เล่าปี่มีจดหมาย ขอความร่วมมือจากโจโฉให้เห็นแก่น้ำมิตร เลิกทัพไปแต่ก็ไม่ได้เป็นเหตุให้โจโฉเลิกทัพ แต่เรื่องราชโองการที่มีถึงโจโฉ กลับทำให้โจโฉเลิกทัพ แล้วฉวยโอกาสสนองราชโองการ ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ เมื่อคนที่พ่อและครอบครัว ถูกฆ่าหมดสิ้น พกความแค้นไว้เต็มอก ต้องการสับโตเกี๋ยมเป็นชิ้นๆ กลับสามารถควบคุมอารมณ์ ความแค้นของตนเองและตัดสินใจ สนองราชโองการภายใต้เงื่อนไขของวิสัยทัศน์และพันธกิจหลัก ย่อมถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา

สามก๊ก@work เชื่อว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จมักเป็นผู้ที่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันได้อย่างชัดเจน จะไม่ทำให้เรื่องส่วนตัวกระทบงาน อารมณ์โกรธแค้นเป็นอารมณ์ที่รุนแรง และเป็นบ่อเกิดของการทำลายล้างอยู่แล้ว แต่โจโฉเองก็สามารถระงับไว้แล้วเลือกให้งานมาก่อน นับว่าเป็นผู้รู้และเข้าใจคำว่าน้ำขึ้นให้รีบตักโดยแท้

สำหรับผู้ที่จะประสบความสำเร็จหรือยิ่งใหญ่ได้ในอนาคตจะต้องเป็นผ้ที่รู้จักคุณค่าของโอกาส ถ้าลองสังเกตผู้ที่ประสบความสำเร็จ ผู้ยิ่งใหญ่หรือเศรษฐีทั้งหลายก็จะเห็นได้ว่าล้วนมาจากการรู้จักคุณค่าของโอกาสที่เข้ามาหาตัว รู้จักฉวยโอกาสนั้น ไม่ปล่อยให้หลุดลอยไปอย่างไร้ประโยชน์ เมื่อใช้โอกาสก็จะทำอย่างเต็มกำลัง สามารถหักเหชีวิต ให้ประสบความสำเร็จโดยง่าย เนื่องจากโอกาสเอื้ออำนวย เปรียบเสมือนกับการพายเรือตามกระแสน้ำ ย่อมเบาแรงและให้ผลดีกว่า

สามก๊ก@work เชื่อว่าผู้ที่ไม่รู้จักโอกาสจะเป็นผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะ
1. ไม่สามารถใช้แรงสนับสนุนจากภายนอก ซึ่งถือว่ามีผลมหาศาลกว่าแรงสนับสนุนภายในตัวเอง
2. มักออกแรงตามกำลังตอนที่โอกาสไม่อำนวยซึ่งเป็นการว่ายทวนกระแสน้ำ นอกจากเหนื่อยแล้ว
    ยังได้ผลไม่เท่าที่ลงทุนไป หรือเปรียบเสมือนกับตักน้ำตอนน้ำลดจะได้น้ำสักหยดก็จะหมดโอกาส


ตัวอย่างโอกาสที่เรามักมองข้ามคือ
    • ไม่เข้าใจคุณค่าของโอกาสที่ได้เรียน โดยมักจะมองวัยเรียนเป็นวัยสนุก เพื่อนเยอะ ต่อเมื่อ
   
     ผ่านไปแล้วก็นึกเสียดาย เพราะโอกาสได้เรียนหนังสือสามารถหักเหชีวิตให้ประสบความ
        สำเร็จได้ เป็นพื้นฐานที่จะสร้างอนาคตที่ดีที่สุด
    •  ไม่เข้าใจโอกาสที่เอื้ออำนวยเมื่อได้เลื่อนตำแหน่ง โดยมักจะมองกันไปในแง่ลบว่า
        รับผิดชอบมากไป ลำบาก หรือเหนื่อยเกินไปทั้งๆที่เป็นโอกาสให้พิสูจน์ตนเอง
    •  ไม่เข้าใจคุณค่าของโอกาสที่จะเป็นค่าของธุรกิจ โดยมักจะมองเป็นความเสี่ยง แล้วพลาด
        เป็นต้น

สามก๊ก@work อยากสรุปความเข้าใจว่า ถ้าเพียงแต่เรามีสติในชีวิตประจำวันเราก็จะเห็นโอกาสมากมายในชีวิตที่วิ่งเข้ามาหาเราทุกวัน ถ้าเราฝึกฝนตัวเราให้รู้จักเห็นเป็นโอกาสได้อย่างสม่ำเสมอ เราก็จะสามารถเห็นถึงโอกาสใหญ่ๆในชีวิต และไม่ปล่อยให้มันหลุดลอยไปอย่างไร้ประโยชน์

 
Copyright 2000 - Vichien Shnatepaporn, All Rights Reserved.
No part of this article may be reproduced, stored in a retrieval system, or transmitted in any form, or by any means,
electronic, mechanical, photocopying, recording, or otherwise, without permission.
งาน หางาน สมัครงาน ใช้ jobtopgun.com