1. ตราหยกของแผ่นดินเป็นสัญลักษณ์ของผู้ปกครองใช้ควบคุมแผ่นดิน

เวลาเจ้าแผ่นดินออกคำสั่งออกไปก็จะประทับด้วยตราหยกนี้ ด้วยพิธีการอันนี้ทำให้ตราหยกมีความหมายเป็นนัยว่า ผู้ครอบครองตราหยกก็คือผู้ปกครองแผ่นดิน และเมื่อใดที่ผู้ครอบครองตราหยกมีกำลังกล้าแข็ง แม้ตนจะมิได้เป็นราชวงศ์ ก็อาจนำตราหยกมาเพิ่มความชอบธรรมให้ตนเองในการปกครองแผ่นดินได้อย่างสง่างาม

ตราหยกอันนี้ซุนเกี๋ยนซึ่งเป็นพ่อของซุนเซ็กได้มาจากตอนที่รวมทัพ 18 หัวเมืองปราบตั๋งโต๊ะ แล้วเก็บไว้เป็นสมบัติของตนเอง มิยินยอมที่จะมอบให้อ้วนเสี้ยว แสดงให้เห็นถึงความต้องการครอบครองโดยมิหวั่นเกรงความขัดแย้ง หรือภัยใดๆ ที่อาจเกิดจากผู้อื่นแย่งเอาตราหยกไป อีกทั้งยังยอมสาบานกับอ้วนเสี้ยวว่าถ้าตราหยกอยู่ที่ตนก็ยอมตายด้วยคมหอกคมดาบ นี่ย่อมแสดงว่าตราหยกเป็นที่หมายปองสำหรับซุนเกี๋ยนมาก และต่อมาก็ตกทอดเป็นมรดกให้กับซุนเซ็ก

การที่ซุนเซ็กยอมสละตราหยกซึ่งเป็นมรดกจากพ่อเพื่อแลกกับทหารเพียง 3,000 จึงถือว่าไม่ธรรมดา อุยกายกับเทียเภา และจิวยี่เมื่อแรกฟังยังตกใจไม่เห็นด้วย ต่อเมื่อซุนเซ็กเฉลยเหตุผลจึงคิดได้ และยังยอมรับนับถือความคิดวิสัยทัศน์ของซุนเซ็ก





สามก๊ก@work อยากจะเน้นเรื่องนี้เพราะหลายท่านอาจจะมองข้ามการเสียสละอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้มาสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า บ่อยครั้งคนมักจะยึดติดกับของที่ตนเองมี ไม่กล้าที่จะเสีย ความจริงแล้วความกล้าที่จะสูญเสียสิ่งที่ตนหวงแหนเป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ผู้ประสพความสำเร็จทุกคนต้องมี บางคนยอมเสี่ยงแม้กระทั่งชีวิต และความปลอดภัย บางคนยอมเสียทรัพย์สิน บางคนยอมเสียตำแหน่ง อำนาจ หรือเกียรติยศ คุณธรรม และอื่นๆ อีกมากมาย เพียงเพื่อจะให้ได้มาในสิ่งที่ตนต้องการ เรายังไม่พูดถึงถูกผิดในขั้นนี้ แต่กำลังพูดถึงการไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ ทำให้เรามีอิสระในการคิด เรากำลังพูดถึงการรู้จักติดสินใจ ประเมินและแลกให้ได้มากับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า อยากจะขอยกตัวอย่างการเล่นหมากรุก เริ่มต้นเรามีหมากของเราเต็มกระดาน แต่เมื่อเราเริ่มเดิน หรือเริ่มดำเนินการ ก็จะมีการสูญเสียเกิดขึ้น เราไม่สามารถปกป้องหมากเราทุกตัวไม่ให้สูญเสียไปสักตัว จุดมุ่งหมายของการเล่นไม่ได้อยู่ที่พยายามไม่เสียหมากแม้แต่ตัวเดียว แต่อยู่ที่ชัยชนะของเกม เราจะพยายามเดินและบางครั้งเป็นผู้เสนอที่จะเสียหมากเล็ก เพื่อให้ได้หมากใหญ่ และยังต้องคำนึงถึงจุดประสงค์หลักว่าท้ายที่สุดต้องได้ชัยชนะจึงจะเป็นจุดสำคัญ ชัยชนะบางครั้งฝ่ายเราเองก็ยับเยิน บางครั้งเราก็สามารถชนะโดยที่ยังรักษาหมากของเราไว้ได้มาก แน่นอนการรักษาหมากไว้ได้มากที่สุดย่อมเพิ่มโอกาสชนะให้กับตัวเราเองในทุกขณะ แต่การไม่ยอมเสียหมากเลยก็อาจจะทำให้เราแพ้ทั้งกระดานก็ว่าได้ การรู้จักเสียในสิ่งที่ควรเสียจึงเป็นเรื่องที่ต้องการฝึกฝนให้ได้ในจุดที่สมดุลย์ที่สุด

สามก๊ก@work อยากจะยกตัวอย่างถึงคนเก่งๆมากมายในสังคมที่ช่างคิด มีความคิดตั้งมากมาย แต่มักจะไม่สามารถผลักดันจนถึงขั้นให้เกิดผล ส่วนใหญ่แล้วมักจะมาจากความกลัวที่จะสูญเสีย เช่นเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยง เพราะกลัวล้มเหลว ทั้งๆที่อนาคตก็อาจประสพความสำเร็จก็ได้ ไม่มีใครรู้ แต่ผู้คิดก็กลัวที่จะล้มเหลว และสูญเสียสิ่งที่ตนเองรัก ซึ่งอาจเป็นทรัพย์สิน เป็นต้น จึงไม่กล้าลงมือทำ ความคิดจึงเป็นแค่ความคิด ล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเสียด้วยซ้ำ


ในบางกรณีเด็กจบใหม่เก่งๆ หลายคนอยากประสพความสำเร็จ แต่ขาดวิสัยทัศน์แบบซุนเซ็กที่กล้าเสียสิ่งเล็กเพื่อแลกสิ่งใหญ่ เด็กเก่งบางคนคาดหวังตนเองสูงเกินไป ไม่กล้าทำงานในบริษัทเล็กๆ แต่มีความก้าวหน้ามากกว่า กลัวว่าเวลาถูกเพื่อนถามแล้วตอบว่าทำงานที่บริษัทเล็ก แล้วจะเสียความภูมิใจ มักไม่เลือกงานที่ต้องลำบาก แต่มีความก้าวหน้าสูง เพราะมองที่ลำบากก่อน ไม่ได้เน้นที่ก้าวหน้า จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่โดยปกติแล้วคนที่ปานกลางแต่มีใจสู้ยอมเสียสละความสุขส่วนตัว ทุ่มเทให้กับงาน ให้กับความก้าวหน้า จึงมักประสพความสำเร็จมากกว่า เพราะท้ายสุดแล้วคนเราจะวัดกันที่ทำงานไม่ใช่ที่ผลการเรียน คนที่ทำโดยไม่มีเงื่อนไข คำนึงแต่ความสำเร็จจึงมักเป็นผู้ที่ประสพความสำเร็จจริงๆ

สำหรับพวกที่ประสบความสำเร็จแบบยิ่งใหญ่ สามก๊ก@work เชื่อว่าพวกเขาเหล่านั้นก็ต้องสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง เพราะไม่มีอะไรได้มาฟรี ผู้อยู่ในอำนาจหลายคนต้องสูญเสียมนุษยธรรม คุณธรรมก็เพราะอยู่ในวังวนของอำนาจ และเงื่อนไขต่างๆ ทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเอง

สามก๊ก@work เชื่อว่าความรู้จักสมดุลย์ที่จะได้และเสียเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นและอยู่กับเราได้นาน เราต้องปรับเป้าหมายสู่ความสำเร็จ และการยอมสูญเสียให้สมดุลย์กัน เพื่อให้ในที่สุดแล้ว ชีวิตก็มีความสุข ไม่ใช่ได้แต่สิ่งที่ต้องการแต่ชีวิตกลับไม่มีความสุข หรือไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วยังไม่มีความสุข เพื่อนของผู้สัมมนาท่านหนึ่งพอใจที่จะประกอบธุรกิจขนาดกลาง ทั้งๆที่มีความสามารถดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ได้ แต่เพื่อนผู้นี้พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ และไม่ต้องการดำเนินธุรกิจที่ใหญ่เกินไป เพราะต้องการสมดุลย์ในชีวิต ยังต้องการมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องการมีชีวิตที่ต้องขึ้นอยู่กับเส้นสายทางการเมือง หรือต้องคอยประจบเอาใจใครต่อใครให้วุ่นวายไปหมด ธุรกิจใหญ่ๆ เป็นความสำเร็จที่ใหญ่ขึ้นแต่ก็ต้องแลกกับสิ่งอื่นๆ มากขึ้น



 
Copyright 2000 - Vichien Shnatepaporn, All Rights Reserved.
No part of this article may be reproduced, stored in a retrieval system, or transmitted in any form, or by any means,
electronic, mechanical, photocopying, recording, or otherwise, without permission.
งาน หางาน สมัครงาน ใช้ jobtopgun.com