ตอนที่ 7 อุบายนางงาม

ฝ่ายตั๋งโต๊ะรู้กิตติศัพท์ว่าซุนเกี๋ยนตายแล้วก็มีความยินดีนัก จึงว่าแก่ที่ปรึกษาว่า ซึ่งซุนเกี๋ยนตายเสียนั้น เราค่อยเบาใจมีความสุขขึ้น อุปมาเหมือนบ่งหนามออกจากอกเราได้เล่มหนึ่ง ทุกวันนี้ผู้ใดยังรู้ว่าซุนเซ็ก บุตรซุนเกี๋ยนอายุเท่าใด ลิยูจึงว่าซุนเซ็กนั้นอายุได้สิบห้าปี ตั๋งโต๊ะได้ยินดังนั้นก็เห็นว่ายังเด็กอยู่ มิได้ มีสงสัยประการใด ในขณะนั้นตั๊งโต๊ะยิ่งทำการหยาบช้ากำเริบขึ้นกว่าแต่ก่อน ตั้งตัวให้คนทั้งปวง เรียกว่าซ่องฮู แปลว่าเป็นบิดาเลี้ยงพระเจ้าเหี้ยนเต้ ถ้าจะไปแห่งใดให้ตั้งกระบวนแห่อย่าง พระมหากษัตริย์เสด็จ แล้วตั้งให้ตั๋งห้องผู้น้องเป็นนายทหารกองนอก แต่บรรดาแซ่ตั๋งนั้นเอามาตั้ง เป็นขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยสิ้น ตั๋งโต๊ะจึงเกณฑ์ไพร่ยี่สิบห้าหมื่นไปตั้งเมืองอยู่ทางไกลเมืองเตียงฮัน สองพันห้าร้อยเส้น กำแพงสูงเท่าเมืองหลวง มีตำหนักใหญ่น้อยหน้าหลัง คลังแลฉางข้าวปลาอาหาร นั้นขนเข้าไว้สำหรับจะเลี้ยงทหารกำหนดได้ยี่สิบปี แลเงินทองในท้องพระคลัง กับส่วยสัดวัฒนานั้น เอามาไว้ในคลังเมืองใหม่ แล้วให้จัดหญิงรูปงามมาไว้ได้ประมาณแปดร้อยคน แลตั๋งโต๊ะนั้นเดือนหนึ่ง บ้าง ยี่สิบวันบ้าง จึงขึ้นไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ครั้งหนึ่ง ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยในเมืองหลวงต้องมารับส่ง ถึงนอกประตูเมือง แลทางจะขึ้นไปเฝ้านั้นมีที่ประทับเป็นหลายตำบล ในเมืองเตียงฮันนั้นก็มีที่อยู่แห่ง หนึ่ง ครั้นอยู่มาวันหนึ่งตั๋งโต๊ะออกจากเฝ้า ขุนนางทั้งปวงตามไปส่งถึงนอกประตูเมือง ตั๋งโต๊ะจึงสั่ง ให้ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยไปกินโต๊ะ ณ ที่ประทับ

ในขณะนั้นหัวเมืองฝ่ายเหนือ บอกส่งคนเกลี้ยกล่อมมาประมาณห้าร้อยตั๋งโต๊ะจึงให้ทหารเอาคน ทั้งปวงมาตัดแขนตัดขาบ้าง ตัดหูตัดลิ้นบ้าง ให้ใส่กระทะเหล็กบ้าง คนทั้งปวงยังมิทันสิ้นใจ ก็เจ็บปวดร้องคราง อื้ออึงไป ขุนนางทั้งปวงซึ่งกินโต๊ะอยู่นั้นแลเห็นก็มีความสงสารนัก ลางคนตกใจ จนตะเกียบพลัดตกบ้าง จอกสุราพลัดจากมือบ้างเพราะมีความสังเวช แต่ตั๋งโต๊ะนั้นมิได้มีใจ ปรานี เสพย์สุราพลางดูพลางหัวเราะพลาง คนทั้งห้าร้อยนั้นก็ตายสิ้น ครั้นกินโต๊ะแล้วต่างคนต่างก็ไป ตั๋งโต๊ะจึงลอบสั่งให้เอาเตียวอุ๋นไปฆ่าเสีย แล้วตัดเอาศีรษะเข้ามา ครั้นถึงวันกำหนดขุนนางผู้ใหญ่ ผู้น้อยมากินโต๊ะพร้อมกันอยู่ ณ เมืองใหม่ ตั๋งโต๊ะก็นั่งเสพย์สุราอยู่

ฝ่ายลิโป้จึงเข้าไปทำเป็นกระซิบข้างหูตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะทำเป็นหัวเราะแล้วว่า คิดอย่างนี้ดอกหรือเร่งเอา ตัวมันไป ลิโป้ก็เข้าจับเอาตัวเตียอุ๋นลากออกไปขุนนางทั้งปวงซึ่งกินโต๊ะอยู่นั้นมิได้แจ้งเนื้อความ ประการใด ต่างคนต่างนิ่งตะลึงดูกันอยู่ ประเดี๋ยวหนึ่งเห็นลิโป้เอาศีรษะเตียวอุ๋นใส่กระบะเข้ามา ให้ตั๋งโต๊ะดู ขุนนางทั้งปวงก็ยิ่งตกใจ ตั๋งโต๊ะเห็นดังนั้นก็หัวเราะแล้วจึงว่า ท่านทั้งปวงอย่าตกใจ ซึ่งเกิดเหตุทั้งนี้เพราะเตียวอุ๋นให้หนังสือลับไปถึงอ้วนสุดให้มาทำร้ายแก่เรา มีผู้รู้จึงบอกหนังสือ มา ลิโป้จึงมากระซิบบอกเรา เราจึงให้จับไปฆ่าเสีย ท่านทั้งปวงมิได้ร่วมคิดด้วยมันก็อย่าได้เป็นทุกข์ จงกินโต๊ะพูดกันเล่นให้สบายครั้นกินโต๊ะแล้วขุนนางทั้งปวงก็ลาไป

ฝ่ายอ้องอุ้นกลับมาถึงบ้านจึงคิดว่า ซึ่งตั๋งโต๊ะให้หาไปกินโต๊ะแล้วเอาเตียวอุ๋นไปฆ่าเสีย เมื่อพิเคราะห์ ดูนั้นไม่เห็นว่าเตียวอุ๋นจะคบคิดกับอ้วนสุดให้มาทำร้าย ซึ่งตั๋งโต๊ะคิดผูกพันทำทั้งนี้ เพราะจะทำ อำนาจมิให้ขุนนางทั้งปวงคิดร้ายสืบไป แลตั๋งโต๊ะทำการหยาบช้าทั้งนี้ หาผู้ใดจะช่วยคิดล้างตั๋งโต๊ะ เสียไม่ อ้องอุ้นคิดรำคาญใจนอนมิหลับ ครั้นเวลาดึกจึงถือไม้เท้าลงไปยืนพิงต้นไม้อยู่ ณ สวนดอกไม้ จึงแลขึ้นไปดูบนอากาศ เห็นดาวเดือนนั้นขุ่นมัวเศร้าหมอง จึงคิดว่าทุกวันนี้พระมหากษัตริย์แลอาณา ประชาราษฎรได้ความเดือดร้อนเพราะตั๋งโต๊ะ อ้องอุ้นก็ทอดใจใหญ่แล้วร้องไห้

พอได้ยินเสียงหญิงคนหนึ่งทอดใจใหญ่อยู่ตรงหน้านั้น อ้องอุ้นจึงเดินเข้าไปดุ เห็นนางเตียวเสียน คนขับร้องซึ่งอ้องอุ้นช่วยมาไว้แต่น้อย รูปงามขับร้องก็เพราะ อายุได้สิบหกปี อ้องอุ้นมีความเอ็นดู เลี้ยงไว้เป็นบุตรเลี้ยง อ้องอุ้นจึงถามว่า เวลาดึกสงัดถึงเพียงนี้ยังมินอน ลงมาเที่ยวอยู่ในสวนดอกไม้ แล้วทอดใจใหญ่ทุกข์ด้วยไม่เห็นชู้มาหรือ นางเตียวเสียนได้ยินดังนั้นก็ตกใจ จึงคุกเข่าลงคำนับแล้ว ตอบว่า ข้าพเจ้าจะได้มีชู้มาคอยกันหามิได้ ตัวข้าพเจ้าเป็นคนทาสี ซึ่งท่านเลี้ยงข้าพเจ้าเป็นบุตรมา แต่น้อยนั้น พระคุณหาที่สุดมิได้ ทุกวันนี้ข้าพเจ้าก็คิดอยู่ว่า ถ้าท่านมีทุกข์สิ่งใดข้าพเจ้าจะสนอง พระคุณท่าน ถึงมาตรว่าชีวิตจะตายแลกระดูกจะแหลกเป็นผงก็ดี ข้าพเจ้ามิได้เสียดายแก่ชีวิต เมื่อเวลากลางวันนั้นตั๋งโต๊ะเชิญท่านไปกินโต๊ะแล้วกลับมา ข้าพเจ้าเห็นหน้าท่านนั้นเศร้าหมอง ยิ่งกว่าแต่ก่อน ข้าพเจ้าเห็นว่าจะมีทุกข์สิ่งใดใหญ่หลวงอยู่ท่านจึงเป็นดังนี้ ข้าพเจ้าจึงตามลง มาหวังจะใคร่รู้เหตุ แล้วจะได้คิดอ่านสนองคุณท่านไปจนกว่าจะสิ้นชีวิต อ้องอุ้นได้ยินดังนั้นก็คิดว่า ครั้งนี้แผ่นดินเห็นจะค่อยมีความสุขเพราะเตียวเสียนเป็นมั่นคง จึงพานางเตียวเสียนขึ้นไปบนตึกที่ดู หนังสือนั้นเป็นที่สงัดให้นางเตียวเสียนขึ้นนั่งบนเก้าอี้ อ้องอุ้นจึงคุกเข่าลงคำนับ นางเตียวเสียนเห็น ดังนั้นก็ตกใจ จึงลงจากเก้าอี้คำนับ แล้วเข้ากอดเอาเท้าอ้องอุ้นไว้ แล้วห้ามว่าท่านอย่าคำนับข้าพเจ้า ผู้บุตรนี้ไม่สมควร อ้องอุ้นจึงตอบว่าเราได้ยินเจ้าว่าทั้งนี้ก็มความยินดีนักเราจึงคำนับเจ้า เจ้าจงมีใจเมตตาแก่พระมหากษัตริย์แลอาณาประชาราษฎรด้วยเถิด ว่าเท่านั้นแล้วอ้องอุ้นก็ร้องไห้

  1
ตอน 6 หน้า 1 l 2 l 3 l 4 l 5 l 6         
ตอน 7 หน้า 1 l 2 l 3 l 4 l 5 l 6 l 7 l 8





Copyright 2000 - Vichien Shnatepaporn, All Rights Reserved. No part of this article may be reproduced, stored in a retrieval system,
or transmitted in any form, or by any means, electronic, mechanical, photocopying, recording, or otherwise, without permission.
งาน หางาน สมัครงาน ใช้ jobtopgun.com