3. จุดอ่อนที่มีต่อเพศตรงข้าม

ผู้สัมมนาท่านหนึ่งเล่าว่า เมื่อสมัยเด็กอายุสัก 10 ขวบ ถูกผู้ใหญ่ล้อว่าเป็นแฟนกับเด็กหญิงข้างบ้าน ตนเองรู้สึกอายจนร้องไห้ โตขึ้นก็ประหม่าเวลาคุยกับหญิง กลายเป็นจุดอ่อนที่มีต่อเพศตรงข้าม สมัยที่เริ่มทำงานใหม่ ๆ ทำให้กระทบต่องานและความเป็นมืออาชีพ สามก๊ก@work เข้าใจว่ายังมีคนอีกจำนวนมาก ที่มีจุดอ่อนเกี่ยวกับเพศตรงข้าม ทำให้ไม่สามารถ ไปถึงจุดสูงขึ้นอีกในอาชีพของตน สามก๊ก@work อยากยกประสบการณ์ต่าง ๆ จากผู้สัมมนา เพื่อให้ผู้อ่านเห็นชัดขึ้นว่า สิ่งนี้มีอยู่ทั่วไปในที่ทำงานของเรา




1. ผู้ร่วมสัมมนาท่านหนึ่งเล่าว่า ครั้งหนึ่งในแผนกมีงานด่วนที่ต้องทำให้เสร็จในวันนั้น ท่านมี ลูกน้องสองคน ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ปรากฏว่าด้วยความเกรงใจของลูกน้องผู้ชาย ก็ให้ลูกน้อง ที่เป็นผู้หญิงกลับบ้านก่อน เพราะกลัวว่า บ้านอยู่ไกลจะอันตราย ลูกน้องผู้ชายคนนั้นก็เลยต้อง อยู่คนเดียวอย่างทุลักทุเลเพราะขาดคนช่วย นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่เป็นจุดอ่อนที่ผู้ชายประเมินว่า ผู้หญิงอ่อนแอกว่า และผู้หญิงประเมินตนเองอ่อนแอไปด้วย นี่เป็นรากฐานลึก ๆ ที่ทำให้เกิดความ เอาเปรียบ และเหยียดกันทางเพศ เพราะพวกเราทำตัวให้รู้สึกไม่เท่าเทียมกันไปเอง

2. ผู้สัมมนาอีกท่านเล่าว่า สมัยหนึ่งบริษัทมีแต่พนักงานชายที่ทำหน้าที่ตรวจเช็คทำความสะอาด ป้ายรถตุ๊กตุ๊ก เพราะต้องไปที่อู่รถซึ่งไม่ได้สะอาดสะอ้าน ถือว่าเป็นงานลุย นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่ผู้ชายชอบประเมินว่า ผู้หญิง ลุยและห้าวบ้างไม่ได้ ซึ่งนับว่าเป็นรากเหง้าอีกตัวที่จะนำไปสู่ จุดอ่อนของพวกผู้ชายที่มองตนเองเป็นสุภาพบุรุษเกินไป และพวกผู้หญิงที่อาจเชื่อว่าตนเอง ไม่เท่าเทียมผู้ชาย

3. มีผู้สัมมนาเล่าว่า เพื่อนผู้หนึ่งกลัวแฟนจะหึงจึงไม่กล้าเข้าใกล้เพื่อนร่วมงานที่เป็นหญิง ทำให้ ไม่สามารถประสานงานกับเพื่อนร่วมงานและควบคุมลูกน้องที่เป็นหญิง นี่ก็เป็นจุดอ่อนที่อาจ เห็นกันได้บ่อย

4. อีกท่านหนึ่ง ไม่กล้าตำหนิ ลงโทษเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องที่เป็นเพศตรงข้าม ในกรณีที่ ทำงานไม่ดี บกพร่องต่อหน้าที่ ทำให้เป็นจุดอ่อนที่เสียการปกครองเป็นอย่างมาก และไม่สามารถ คุมทีมให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

5. ผู้สัมมนาท่านหนึ่งเสนอ case ว่า หัวหน้าที่ชอบจีบลูกน้องไปทั่วก็เป็นจุดอ่อนอันหนึ่ง ทำให้ทำตัวเป็น nice guy ตลอดเวลา จึงมีความเกรงใจที่จะตำหนิผู้อื่น ก็เป็น case ที่เป็นจุดอ่อนสำหรับผู้ที่เที่ยวจีบคนโน้นคนนี้

6. อีกท่านหนึ่งก็เล่าว่า มีลูกน้องที่ไม่สามารถแยกแยะระหว่างความเป็นสุภาพบุรุษกับ professional เวลาเจอลูกน้องที่เป็นเพศตรงข้าม ออดอ้อนก็จะใจอ่อนยอมทำตามขอต้องของ เพศตรงข้าม นี่ก็เป็นจุดอ่อนที่พบบ่อย

7. บางคนแพ้คนร้องไห้ ถ้าเพศตรงข้ามร้องไห้ก็จะทำอะไรไม่ถูก ต้องยอมทุกอย่าง คนบางคน ก็ชอบร้องไห้เพราะรู้ว่าเพศตรงข้ามบางคนมีจุดอ่อน อย่างไรก็ตามมีผู้ร่วมสัมมนาท่านหนึ่ง เล่าว่า เคยมีลูกน้องผู้หญิงร้องไห้เมื่อถูกตำหนิ ท่านนี้เลยบอกไปว่า ถ้าผมปฏิบัติอย่าง professional กับคุณ คุณก็ควรจะปฏิบัติอย่าง professional กับผม วันหลังอย่ามา ร้องไห้อย่างนี้ เสียความเป็นมืออาชีพหมด

8. มี case อีก case หนึ่ง ผู้สัมมนาท่านหนึ่งเล่าว่า พนักงานผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่กล้าไป ตรวจตลาดต่างจังหวัดคนเดียว นี่ก็เป็นจุดอ่อนที่เข้าใจ ว่าผู้หญิงสู้ผู้ชายไม่ได้ แล้วอย่างนี้ จะสำเร็จในอาชีพได้อย่างไร


สามก๊ก@work สรุปว่าในโลกของมืออาชีพเราจะไม่แบ่งหญิงชาย ถ้าเรามีความเชื่อว่าผู้หญิง ผู้ชายมีความเท่าเทียมกัน แบกโลกไว้คนละครึ่ง ต่างฝ่ายต่างก็ต้องปฏิบัติทั้งต่อตนเองและผู้อื่นเท่าเทียมกัน ถ้าคุณไม่เหนือกว่า หรือด้อยกว่าเพศตรงข้ามละก้อ คุณก็จะไม่รู้สึกว่าต้องผ่อนปรนให้อีกฝ่าย เพราะอีกฝ่ายอ่อนแอ หรือแข็งกว่าแน่นอน ความเป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรียังคงมีอยู่ แต่เป็นได้ในเรื่องของมารยาท ไม่ใช่ในโลกของมืออาชีพ สามก๊ก@work สรุปว่าถ้าคุณกล้าตำหนิ ลงโทษ เพศตรงข้ามนั่นเป็นเครื่องวัดว่าคุณ treat ทั้งสองเพศเท่าเทียมกันโดยคุณไม่แยกว่าเป็นหญิงหรือชาย และนั่นนับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่แสดงว่า หญิงชายเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง สำหรับผู้ที่ยังมีจุดอ่อนในเรื่องนี้ต้องแก้ไขให้ได้ มิฉะนั้นจะเป็นนายคนสมัยใหม่ได้ลำบาก

สามก๊ก@work อยากจะฝากไว้ว่า เป็นผู้ชายอย่ามองผู้หญิงด้อยกว่า และเป็นเป็นผู้หญิงอย่ามองตัวเองด้อยกว่าผู้ชาย อย่าทำตัวอ่อนแอต้องให้ผู้ชายมา service ถ้าเมื่อไหร่มีผู้ชายมาอ่อนให้ก็ให้สำรวจตัวเองว่าคุณ กำลังเสียความเป็นมืออาชีพหรือไม่

 
Copyright 2000 - Vichien Shnatepaporn, All Rights Reserved.
No part of this article may be reproduced, stored in a retrieval system, or transmitted in any form, or by any means,
electronic, mechanical, photocopying, recording, or otherwise, without permission.
งาน หางาน สมัครงาน ใช้ jobtopgun.com