วิธีการก้าวขึ้นครองอำนาจของตั๋งโต๊ะ

1. การแสวงหาอำนาจของตั๋งโต๊ะ
ความเดิมตั้งแต่ตอนต้นคือ พระเจ้าเลนเต้ปรารถนาจะให้หองจูเหียบสืบราชบัลลังก์ แต่เมื่อพระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชนม์เสียก่อน แม่ทัพโฮจิ๋นจึงใช้อำนาจของตนเองแต่งตั้งหองจูเปียนขึ้นครองราชย์ เพราะหวังตั้งตนเป็นใหญ่ เมื่อสิ้นอำนาจของแม่ทัพโฮจิ๋น ตั๋งโต๊ะซึ่งเป็นแม่ทัพหัวเมืองก็อยากแสวงหาอำนาจด้วยการแต่งตั้งหองจูเหียบขึ้นสืบราชสมบัติ โดยอ้างพระประสงค์ของพระเจ้าเลนเต้ และกล่าวโทษหองจูเปียนว่าไม่มีความสามารถในการบริหารแผ่นดินต่างกับหองจูเหียบที่ฉลาดและรอบรู้ ขั้วอำนาจเดิมคือขุนนาง ฝ่ายโฮจิ๋นจึงเกิดความไม่พอใจ และกล่าวว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการกบฏต่อแผ่นดินเพราะเป็นการโค่นล้มกษัตริย์ ที่ถูกแต่งตั้งโดยชอบธรรมและไม่มีความผิด ที่สำคัญ การเป็นกษัตริย์นั้น ดูที่เมตตาธรรมไม่ใช่ความสามารถ

เราจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่า เมื่อการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องก็ยากที่จะกำหนดออกมาได้อย่างชัดเจนว่า อะไรคือความชอบธรรม ทุกอย่างถูกตัดสินชี้ชัดจากผู้ที่มีกำลังอำนาจมากกว่า เช่นเดียวกับที่เห็นได้จากตอนที่แล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สามก๊ก@WORK ต้องการนำเสนอในตอนนี้คือ วิธีการได้มาซึ่งอำนาจ จะสามารถเป็นตัวกำหนดความสำเร็จและล้มเหลวไปได้ในขณะเดียวกัน และสุดท้ายเราก็จะเห็นว่าคุณธรรมและความเมตตาก็ยังมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ที่เราจะได้อยู่ดี ดังนั้นการได้มาซึ่งอำนาจควรจะคำนึงถึงวิธีการด้วยว่าเป็นวิธีการที่มีคุณธรรมและ เมตตาธรรมหรือไม่ เพื่อให้อำนาจที่ได้มาคงอยู่ได้นานแสนนาน


จากการศึกษาวิธีการแสวงหาอำนาจของตั๋งโต๊ะ จะเห็นได้ชัดว่าด้วยเหตุที่ตั๋งโต๊ะเป็นทหารที่ปกครองหัวเมือง ไม่ได้ใกล้ชิดกับศูนย์อำนาจหรือขุนนางในเมือง จึงเป็นเรื่องยากที่ตั๋งโต๊ะจะได้อำนาจและการยอมรับจากขุนนางในเมืองมาง่ายๆ ประกอบกับที่ตั๋งโต๊ะใจร้อนอยากให้ตนเองเป็นที่ยอมรับโดยเร็ว ตั๋งโต๊ะจึงต้องใช้พระเดชแสดงความยิ่งใหญ่ของตนในทางที่ไม่ชอบธรรมโดย

1. สวมเสื้อเกราะ ขี่ม้านำทหารตระเวนตามถนนทุกวันเพื่อให้ชาวเมืองเกรงกลัว
2. พกอาวุธเข้าวัง ให้ขุนนางเกรงกลัว
3. ปลดฮ่องเต้องค์เดิม ตั้งฮ่องเต้องค์ใหม่ เพื่อตนเองจะได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน



 

ตั๋งโต๊ะคิดว่า การแสดงอำนาจหรือการใช้พระเดชจะเป็นวิธีทำให้ที่ผู้คนเกรงกลัว และสามารถ
ควบคุมเบ็ดเสร็จในระยะเวลาอั้นสั้น และหวังว่าในระยะยาวจะใช้พระคุณให้ลาภยศสรรเสริญพวก
ขุนนาง แล้วทุกอย่างก็จะลงตัวเอง โดยไม่ได้คำนึงว่าวิธีการของตนเองเป็นการกระทำที่ขาด
คุณธรรม อันจะสร้างความเสื่อมให้ตนเองในภายหลัง จากการกระทำนี้ สามก๊ก@WORK
จึงอยากชี้ให้เห็นประเด็นต่างๆ ดังนี้

1. วิธีการใช้กำลังแสวงหาอำนาจอย่างไม่ชอบธรรมจะเกิดผลข้างเคียงเพราะเป็นการสร้างศัตรู
ศัตรูก็คือผู้ที่ไม่พอใจที่ถูกบีบบังคับให้ยอมรับในสิ่งที่ตนไม่เห็นด้วย และคิดจะกลับมาล้มล้าง
หากการใช้กำลังเป็นไปอย่างรุนแรง การตอบโต้ก็จะรุนแรงกลับด้วย ยิ่งจะเป็นการสร้างศัตรู
ให้มากขึ้น พอศัตรูมาก การใช้กำลังป้องกันตนก็จะยิ่งต้องรุนแรงและโหดร้าย กลายเป็นการ
จองเวรไม่รู้จบสิ้น แม้วันนี้จะใช้กำลังเอาชนะอย่างไม่ชอบธรรมได้ สักวันหนึ่งก็ต้องพลาด
เพราะต้องมีคนไม่พอใจและคิดล้มล้างเราอยู่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับตั๋งโต๊ะที่สุดท้ายถูกล้มล้าง
โดยขุนนางที่ไม่พอใจการกระทำของตั๋งโต๊ะ ซึ่งเราจะเห็นได้จากสามก๊กในตอนต่อๆ ไป

สามก๊ก@WORK จึงอยากจะแนะนำผู้บริหารให้คำนึงถึงเรื่องการใช้กำลังหรือ
อำนาจที่ไม่ชอบธรรมเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ดี เพราะวิธีนี้มีผลข้างเคียงอย่างแน่นอน และ
ให้พึงระลึกอยู่เสมอว่า วิธีการที่เราใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็จะเป็นตัวกำหนดว่าเรา
จะสำเร็จ ล้มเหลว หรือรักษาของสิ่งนั้นไว้ได้นานเท่าใด


2. การพกอาวุธเข้าวังเป็นการทำผิดกฎของวัง ตั๋งโต๊ะอยากตั้งตนเป็นหัวหน้าคนอื่น แต่กลับไม่อยู่
ในกฎระเบียบเสียเอง ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกน้อง จะหวังให้ผู้อื่นนับถือได้อย่างไร และถึงแม้
การพกอาวุธเข้าวังของตั๋งโต๊ะ จะทำให้ยังไม่อยากมีใครลองดีในตอนแรกและก็อาจได้มาซึ่งความ
เกรงกลัว แต่ทว่าเป็นการละเมิดเบื้องสูงที่ขุนนางและประชาชนให้ความเคารพบูชา ย่อมมีแต่ความ
เสื่อมเสียและถูกตำหนิ

3. การปลดฮ่องเต้เปรียบเสมือนการทำร้ายพ่อแม่ของขุนนางและประชาชนอย่างแสนสาหัส ย่อมไม่มี
ผู้ใดอภัยให้ได้ การปกครองบ้านเมืองมีกฎเกณฑ์ ประชาชนอาจไม่เคยเห็นฮ่องเต้ในชีวิตเลยก็
ได้ แต่ในใจประชาชนแล้ว ฮ่องเต้คือเจ้าเหนือหัว การลบหลู่เบื้องสูงนับว่าเป็นการทำผิดประเพณี
ทำให้ผู้คนต่อต้าน




สามก๊ก@WORK เชื่อว่า 'วิธีการ' ที่เราใช้ให้ได้มา มีความสำคัญมากต่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น
ถ้าเป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีตามไปด้วย สามก๊ก@WORK ให้ความสำคัญ
กับวิธีการ เพราะแม้เราจะตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้อย่างดี แต่เลือกวิธีการที่ไม่ดีมาใช้ สุดท้ายมันก็
จะทำให้ชีวิตเราเสื่อมได้


ดังนั้นหากเราตั้งเป้าหมายไว้สูง แต่ไม่สามารถหาวิธีการที่ดีที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายได้ เราก็
ควรกลับไปทบทวนเป้าหมายและปรับปรุงที่เป้าหมายก่อน อย่ายึดมั่นในเป้าหมายเดิม จนต้อง
เลือกใช้วิธีการที่จะทำให้ตนเองเสื่อมมาใช้ เหมือนตั๋งโต๊ะที่ตั้งเป้าหมายไว้สูงว่าจะได้เป็นผู้มีอำนาจ
เหนือแผ่นดิน แต่แทนที่จะใช้วิธีการสร้างบารมี กลับเลือกใช้การข่มเหงและบังคับคนอื่น สุดท้าย
ก็ไม่มีใครยอมรับ มีแต่คนต้องการล้มล้างและสาปแช่ง การทำตัวให้เป็นที่ยอมรับมักต้องอาศัย
เวลาในการสร้างบารมี

เมื่อเป้าหมายไม่ถูกต้องก็ทำให้วิธีการไม่ถูกต้อง ซึ่งเมื่อเราต้องถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ คุณค่าของ
เราก็จะค่อยๆ เสื่อมลง อย่างเช่นในกรณีของตั๋งโต๊ะ ซึ่งมีผู้กล่าวกันว่า สุดท้ายตั๋งโต๊ะเป็นผู้ที่ถูก
สาปแช่งจากทุกคนทั่วสารทิศ



Copyright 2000 - Vichien Shnatepaporn, All Rights Reserved.
No part of this article may be reproduced, stored in a retrieval system, or transmitted in any form, or by any means,
electronic, mechanical, photocopying, recording, or otherwise, without permission.
งาน หางาน สมัครงาน ใช้ jobtopgun.com