ตอนที่ 46 ขงเบ้งเจริญสัมพันธ์ไมตรีที่งานศพจิวยี่

ครั้นบังทองไปถึงเมืองลอยเอี๋ยงก็กินแต่เหล้าแล้วนอน นอนตื่นขึ้นกินเหล้ามิได้ว่าราชการ ชาวเมืองมาฟ้องแก่เล่าปี่ว่า บังทองเสพย์สุราทุกวันมิได้ว่ากิจการบ้านเมือง เล่าปี่ก็โกรธว่าบังทองป็นคนไม่ดี จะทำให้เราเสียการ แล้วสั่งให้เตียวหุยให้ไป ณ เมืองลอยเอี๋ยงสืบดูบังทอง ถ้าละราชการจริงเหมือนหนึ่งปากราษฎรมาร้องก็ให้เอาตัวมา แล้วกลับมีสติว่าเตียวหุยทำการสิ่งใดมักวู่วามนัก จึงให้ซุนเขียนไปด้วยช่วยดูผิดแลชอบ

เตียวหุย ซุนเขียนกับทหารก็พากันไปถึงเมืองลอยเอี๋ยง เห็นแต่ทหารกับราษฎรชวนกันออกมารับนอกเมือง มิได้เห็นบังทองเจ้าเมืองออกมา เตียวหุยจึงถามว่าเจ้าเมืองไปไหนจึงไม่ออกมารับเรา ราษฎรทั้งปวงจึงบอกว่า เจ้าเมืองเสพย์สุราเมานอนอยู่ เตียวหุยได้ยินดังนั้นก็โกรธนัก จึงสั่งให้ทหารจับตัวบังทองมา ซุนเขียนจึงห้ามเตียวหุยว่า อย่าเพ่อหุนหันดูถูกเขาก่อน เราเข้าไปเมืองเอาตัวมาไต่ถามดูให้รู้ผิดแลชอบ ถ้าสมจริงเหมือนหนึ่งปากราษฎรแล้วจึงทำโทษ เตียวหุยได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วยจึงพากันเข้าไปศาลากลาง แล้วให้ตนเข้าไปหาตัวบังทองออกมา คนใช้จึงเข้าไปเห็นบังทองยังเมาสุราอยู่ก็พยุงออกมานั่ง เตียวหุยเห็นบังทองเมาสุราดังนั้นก็โกรธจึงว่า พี่เราคิดว่าท่านเป็นคนดีจึงให้มาเป็นเจ้าเมือง เหตุใดมากินเหล้าแลละราชการบ้านเมืองเสีย บังทองจึงหัวเราะแล้วตอบว่า ท่านว่าเราละราชการบ้านเมืองเสียนั้นข้อใด

เตียวหุยจึงว่า ท่านมารักษาเมืองอยู่ถึงร้อยเศษวัน กินแต่สุรามิได้ตัดสินเนื้อความของราษฎร จนราษฎรไปฟ้องบังทองจึงว่าเราเห็นเมืองก็น้อยราชการก็น้อย ยากอะไรกับจะตัดสินเนื้อความเพียงนี้ เชิญท่านนั่งอยู่สักครู่หนึ่งเถิด ข้าพเจ้าจะตัดสินเนื้อความของราษฎรให้ฟัง จึงให้คนใช้เอาข้อเนื้อความของราษฎรซึ่งฟ้องกล่าวโทษกันที่ค้างอยู่ ทั้งโจทก์จำเลยเป็นหลายคู่มา บังทองจึงให้อ่านฟ้องแลคำโจทก์จำเลย ครั้นเสมียนอ่านข้อความไป บังทองก็รับฟ้องนั้นก็ว่ากล่าวตัดสิน มือจับพู่กันจดความไว้ด้วยรวดเร็วว่องไว ในครู่หนึ่งก็แล้วเสร็จ มิได้ผิดแต่สักข้อหนึ่ง

ฝ่ายอาณาประชาราษฎรทั้งปวงก็สรรเสริญบังทองเป็นอันมาก แล้วบังทองจึงว่าแก่เตียวหุยว่า ที่ท่านว่าเราราชการเสียนั้น คือการอันใดเล่าก็ว่ามาเถิด เตียวหุยจึงว่าเนื้อความก็สิ้นแต่เท่านี้ บังทองจึงว่าความแต่เพียงนี้จะเป็นไร ข้าพเจ้าจะให้มิได้หรือ แต่หากว่ายังไม่สบายใจยังมิได้ตัดสิน ถึงราชการโจโฉกับซุนกวนก็ดี เหมือนเราจับหนังสือชูไว้บนฝ่ามือ ถ้าเปิดพลิกดูเมื่อใดก็จะเห็นแจ้งสิ้น เตียวหุยได้ฟังดังนั้นก็ตกใจแล้วว่าแก่บังทองว่า เล่าปี่กับท่านไม่รู้เลยว่าท่านมีสติปัญญาถึงเพียงนี้ คิดว่าท่านละราชการเสียจริงจึงใช้ข้าพเจ้ามาฟังดูจะได้ช่วยทำนุบำรุงท่าน ข้าพเจ้าจะเอาเนื้อความทั้งนี้ไปแจ้งให้เล่าปี่ฟัง บังทองจึงเอาหนังสือซึ่งโลซกให้มาแก่เล่าปี่นั้นออกให้ซุนเขียนอ่านให้เตียวหุยฟัง

เตียวหุยแจ้งในหนังสือแล้วจึงถามว่า เมื่อมาพบเล่าปี่นั้นเป็นไรมิให้เล่าปี่เล่า บังทองจึงบอกว่า เมื่อแรกพบนั้นเล่าปี่ยังหารู้ไม่ว่าข้าพเจ้าดีชั่วไม่ ครั้นจะให้ดูหนังสือนั้น ก็เหมือนข้าพเจ้าแกล้งขอหนังสือมาเป็นนายหน้าให้ผู้อื่นช่วยสรรเสริญ ข้าพเจ้าจึงมิได้ให้ดู เตียวหุยจึงว่าแก่ซุนเขียนว่า ถ้าท่านมิขัดเราไว้เมือกี้ก็จะเสียความ ว่าเท่านั้นแล้วเตียวหุย ซุนเขียนก็ลาบังทองไป ณ เมืองเกงจิ๋ว จึงเล่าเนื้อความให้เล่าปี่ฟังทุกประการ แล้วส่งหนังสือโลซกให้เล่าปี่ดูเป็นใจความว่า บังทองคนนี้ได้ร่ำเรียนวิชาความรู้เป็นอันมาก แล้วก็มีสติปัญญาควรจะเป็นที่ปรึกษาท่านได้ แม้จะดูแต่ลักษณะรูปร่างภายนอกก็เห็นว่าไม่สมที่จะว่ามีความรู้วิชาการดี ข้าพเจ้าเสียดายบังทอง กลัวบังทองไปอยู่ด้วยผู้อื่นเสีย ข้าพเจ้าจึงมีหนังสือให้บังทองมาหาท่าน



  3
ตอน 46    หน้า 1 l 2 l 3 l 4 l 5 l 6 l 7






Copyright 2000 - Vichien Shnatepaporn, All Rights Reserved. No part of this article may be reproduced, stored in a retrieval system,
or transmitted in any form, or by any means, electronic, mechanical, photocopying, recording, or otherwise, without permission.
งาน หางาน สมัครงาน ใช้ jobtopgun.com